Wat Ket Karam, Tambon Chang Moi, Mueang Chiang Mai District, Chiang Mai Province, Thailand (Also spelled Wat Ketkaram) วัดเกตการาม ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย |
|||||
<^>>>^> | |||||
|
|||||
|
|||||
Wat Ket Karam, วัดเกตการาม, is located in Tambon Chang Moi, Mueang Chiang Mai District, Chiang Mai Province, Thailand. Wat Ket is an ancient temple located on the East side of the Mae Ping River. According to chronological records, WAt Ket was built in 1971 B.E. (Buddhist Era) (1428 A.D.) during which time (between 1954-1985 B.E. (1411-1442 A.D.)) when Phra Jao Sam Fang Kean, the king of the Min Rai dynasty was ruling the region. Formerly, the pagoda (chedi) of Wat Ket was called "Phra Taht Ket Kaew Manee" where the relic of Lord Buddha was kept. It is believed that the pagoda representsthe original one in the topmost heaven (Daoawadueng) on earth. The spire of the pagoda was purposely made tilted in order to avoid indencency by pointing it to the one in heaven. It is further believed that when all human beings pass away, their souls will remain at the pagoda depending on the animal signs of the year they were born. While still living, it is considered auspicious to worship the pagodas wherein dwell the same animal birth signs of their own. Wat Ket's pagoda represents the birth sign of the "Dog". From the stone of records standing at the top of the stairs on the southern part of the main service hall (Wihan), Mun Noratha Chor, who was the ruler of Chaing Mai (between 2121-2150 B.E. (1578-1607 A.D.)) commanded a restoration of the tumbledown pagoda of Wat Ket. The restoration began in 2121 B.E. (1578 A.D.) and was finished in 2124 B.E. (1581 A.D.). He then ordered a Grand Celebration and recruited a large number of people to serve in the temple. In the beginning of the Rattanakosin Dynasty, there were many foreigners who had different cultures and religions living around the Wat Ket area. The majority of these inhabitants were Chinese merchants. (Above text from historical marker at Wat Apson Sawan.) วัดเกตการาม อยู่ตำบลช้างม่อยเมืองเชียงใหม่จังหวัดเชียงใหม่ประเทศไทย วัดเกตเก่าแก่ทางฦั่งตะวันออกบองแม่น้ำปิง ตามประวัติวัดบอกว่าสร้างในปี พ.ศ. ๑๙๗๑ สมัยพระเจ้าสามฦั่งแกน กษัตริย์ราชวงศ์มังราย (ครองราชย์ พ.ศ. ๑๙๕๔-๑๙๓๕) พระราตุวัดเกตเป็นที่ประดิษฐานบองพระเกศาวาตุ เดิมชาวบ้านเรียกว่า พระธาตุเศแก้วจุฬามณี ถึอเป็นการจำลองพระเกศแก้วจุฬาณีบนสวรรค์ ชั้นดาวดงส์มาไว้ในโลกมนุษย์ ดังยั้นจึงสร้างใท้ยอดดพระธตุเจียง เพื่อมิใท้ยอตชึ้บึ้นไปตรงกับองค์ที่อยู่บนสวรรค์เพราะถือว่าเป็นการไม่สุภาพ นอกอากนี้ ยังนีความเชื่อตามตำราโบราณที่ว่าคนเราที่เกิดมาในโลกนี้ เมื่อลิ้นอายุบัย ดวงวิญญาณจะไปสถิตอยูตามพระธาตุเจดีย์ต่างฯ ตามปีที่เกิ และบณะที่ยังมีชีวิตอยู่ทากได้ไปนมัสการพระธาคุประจำปีเกิด ถือได้ว่าเป็นบุญกุศลและทำใท้อายุมั่นยืนยาว ลำทรับพระธาตุวัเกตถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดบองคนปีจอ แมนพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จากคิลาจารึกวัดเกต ชึ่งตั้งอยู่บนมุบบันไดด้านใต้องพระวิทารระบุว่ามังนรชาจ่อ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. ๒๕๒๑-๒๕๕๐) โปรดใท้รณะปฏิสังบรณ์พระเจดีย์ที่พังลงมา เรี่มบูรณะเมิ่อ พ.ศ. ๒๑๒๑ ยูรณะเสร็จ พ.ศ. ๒๑๒๔ โปดใท้มีการจลองพร้อมกับกัลปนาคนถวายเป็นนบ้าวัดจำนวนมาก ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ มีคนตำงชาติต่างศาสนาบ้ามางถิ่นฐานในย่านวัดเกต ทำใท้ย่านวัดเกตเป็นนย่านที่อยู่อาศัยร่วมกันของดนต่างชาติ ต่าง-ศาสนา ต่างวัฒนธรรม โดยส่วนใทญ่เป็นลูกทานชาวจีนที่ค้าขายทางเรือแต่เดิมมา (ข้างต้นข้อความจากเครื่องหมายประวัติศาสตร์ที่ วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร) Wikimapia location |
|||||
Scenic Photography by Gerry Gantt from Thailand, the land of Golden Wats. All images Copyright © 1999 - by Gerry Gantt, all rights reserved. |