Wat Ratcha Orasaram Ratchaworawihan or Wat Ratcha Orat, Khwaeng Bang Khun Thian, Khet Chom Thong, Bangkok,
Thailand Also spelled Wat Ratchaorasaram and called Wat Ratcha Orat วัดราชโอรสารามราชวรวิหานหรือวัดราชโอรส แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ประเทศไทย |
|||||
<^>>^> | |||||
|
|||||
Click or tap thumbnails below to order prints: | |||||
|
|||||
|
|||||
Wat Ratcha Orasaram Ratchaworawihan, วัดราชโอรสารามราชวรวิหาน, is a first class royal monastery or Ratchaworawihan. The temple is
ancient, having existed since the Ayutthaya period. Its original name was
Wat Chom Thong. King Rama II renamed the temple to Wat Ratcha
Orot, which means the temple was renovated by Ratcha Orot (the King's
son) who was later crowned King Rama III. At that time the
prince held the position of Prince Chetsada Bodin. He was the
commander who led the Thai army to engage the Burmese army in Kanchanaburi
Province. On the first day of his march to war his route passed from
Bangkok Yai Canal, (Bangluang Canal today) to Khlong Dan (Dan Canal).
He reached this temple and stayed there overnight. He officiated a
religious ceremony called Khon Thawan (Brahmin's Ceremony - blessing to
warriors who are going to war) in accordance with the old Treatise on War
Strategy. It is told that the abbot of the temple had calculated an
auspicious outcome to the campaign and he told his prophecy to the Prince, that
the Prince should win the war and come back safely. Having faith in the
abbot, the Prince promised that, if he had victory in the war, he would come
back to renovate the temple. After the Prince had won the war, he ordered
the entire temple restored. Because he favored Chinese style art, the
architectural and artistic work for the temple's restoration was a combination
of Thai and Chinese styles, called The Royal Favored Art. The
harmony of the Thai and Chinese styles can be seen in both the Wihan (the
Sermon Wihan) and Phra Ubosot (The Ordination Hall) of the Reclining Buddha.
This
was the first temple to be built without the typical Thai decoration on the roof
of the Phra Ubosot and Wihan. วัดราชโอรสารามราชวรวิหานเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เดิมชื่อว่า วัดจอมทอง เป็นวัดโบราณสมัยกรุงูศรีอยุธยา ในสมัยรัชกาลที่ ๒ ได้รับพระราชทานนาใหม่เป็น วัดราชโอรส หมายถึง วัดที่พรัราชโอรสทรงสถาปนาขึ้น ด้วบเหตุที่เมื่อครั้งที่รัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็งพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็น พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ในรัชกาลที่ ๒ ได้เป็นแม่ทัพคมพลเสด็จไปสกัดกั้นทัพพม่าที่เมืองกาญจนบุรีโดยทางเรือ และเส้นทางเดินทัพในวัมแรกได้ เสด็จผ่าน ดลองบางกอกใหญ่ (ปัจจุบันคือคลองบางหลวง) เข้าคลองด่าน เมื่อเสด็จถึงหน้าวัดจอมทองได้จับยามสามตาดู แล้วถวายตาพยากรณ์ว่จะประสบผลสำเร็จและเสด็จกลับาโดยสวัสดิภาพ จึงทรงเลื่อมใสและประทานพรไว้ว่า หากเป็นเช่นนั้นจริงจะสร้างวัดถวายให้ใหม่ หลังจากเลิกทัพเสด็จกลับพระนครโดยปลอดภัยแล้วจึงโปรดให้ปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นใหม่ทั้งาดตามที่ทรงประทานพรไว้กับเจ้าอาวาส และเนื่องจากพระองค์ทรงนิยมศิลปะจีน รูปทรงสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมต่าง ๆ ในพระอารามนี้จึงเป็นศิลปะประยุกต์แบบ ไทยผสมจีน เรียกกันในสมัยนั้นว่า ศิลปะพระราชนิยม ศิลปกรรมไทยในวัดนั้ล้วนประยุกต์สรรค์สร้างได้อย่ากลมกลืน งดงาม หาที่ติมิได้ เช่น ลายกระแหนะรูป เลี้ยวกางที่บานประตูหน้าต่างพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ รูปหลังคาแบบจีนของพระอุโบสถ พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ ตลอดถึงกุฏิ นับเป็นครั้งแรกที่มีกาสร้างโบสถ์ วิหารทีไม่มีช่อฟ้า ใบระกาและหางหงส์ แต่ยังคงรูปสิ่งเหล่านั้นไว้เป็นสัญลักษณ์แห่ง ศาสนถานได้อย่างสง่าและงดงาม Wikimapia location |
|||||
Scenic Photography by Gerry Gantt from Thailand, the land of Golden Wats. All images Copyright © 1999 - by Gerry Gantt, all rights reserved. |