Wat Phra Si Sanphet, Ayutthaya, Phra Nakhon Si Ayutthaya District, Phra Nakhon Si Ayutthaya Province, Thailand วัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย |
<^>>>>^> |
Wat
Phra Si Sanphet, วัดพระศรีสรรเพชญ์, was built in 1448 A.D. on the site which had served for
the royal palace from 1350 to 1448 spanning the reigns of King Ramathibodi
I to King Sam Phraya. King Borommatrailokanat ordered the wat built
to be utilized as a monastic area. His son, King Ramathibodi II
constructed two chedi, one to house the remains of his father and the
other for his brother, King Borommarachathirat III. A third chedi
was built by King Borommrachnophtthangkun for the remains of King
Ramathibodi II. A principal viharn (worship hall) was built in 1499
and, in 1500, King Ramathibodi II ordered the casting of a standing Buddha
image 16 meters high and covered with gold. This image was called
Phra Buddha Chao Si Sanphet and was the main object of veneration in the
royal viharn. From that time, the remains of all royal family
members were placed in small Chedi built for that purpose on the site. Wat Phra Si Sanphet was used as the royal chapel and, therefore, did not have a Sangavasa (a dwelling for monks). The wat was used for various royal ceremonies and rituals. When the Burmese sacked Ayutthaya in 1767. the gold that covered the Buddha image and other decorations was stripped away and taken by the invaders. King Rama I (1782-1809) transferred the core of Phra Buddha Chao Si Sanphet to Wat Phra Cetuphon (Wat Po) in Bangkok. From an historical marker at the temple site: Wat Phra Si Sanphet was situated on the premisis of royal palace which had been established in the reign of King Ramathibodi I (King U-Thong). In 1488 King Boroma-Tri-Loka-Nat dedicated the site of the palace to the construction of the temple. The important edifices in this temple are the three main stupas containing the ashes of King Boroma-Tri-Loka-Nat, King Boroma-Rachathirat III and King Ramathibodi II. It was a royal temple of Ayutthaya, used for such important royal ceremonies as swearing allegiance and it also served as the royal family's private chaple and the place where royal family ashes were preserved. No monks resided here though they were occasionally invited for particular rites. วัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดในพระปรมมหาราชวัดง นับเป็นต้นแบบของวัดในพระบรมมหาราชวังของสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ คือวัดพระศีรัตนศาสดาราม เนื้อความในพระราชพงศาวรดารฯ ระบุว่า สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายพระราชวังขึ้นไปทางหนือจนจดแม่น้ำลพบุรีแล้วยกที่เดิมเพื่อสร้างเป็น พุทธาวาสในเขตพระราชวัง ดังได้กล่าวมาบ้างแล้ว "ศักราช ๘๕๔ ชวดศก ประดิษฐานมหาสถูปพระบรมธาตุสมเด็จพระบรมไตรโลก และสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า" ความในพระราชพงศาวดารฯ ข้างต้นทำให้สันนิษฐานกันว่าในปี พ.ศ. ๒๐๓๕ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ไระราชโอรสของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาค ได้ทรง สร้างเจดีย์ใหญ่ขึ่น ๒ องค์ที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ กล่าวคือ เจดีย์องค์ตะวันออก และองค์กลาง เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิพระราชบิดาและพระเชษฐา เมื่อถึงรัชกาล สมเด็จพระบรมราชธิราชที่ ๔ (พระหน่อพุืธางกูร) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ขึ้นอีก ๑ องค์ ารียงค่อมาทางด้านทิศตะวันตก เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ระหว่างเจดีย์ประธาน ๓ องค์นั้น มีมณฑปคั่นอยู่ เข้าจวา่สร้างขึ้นในชั้นหลัง คงในราวรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง มีร่องรอยการปฏิสังขรณ์อย่างน้อย ๑ ครั้ง คงในราวรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบมโกศ วิหารหลวงสร้างในปี พ.ศ. ๒๐๔๒ อยู่ด้านหน้ของสถูปองค์ตะวันออก ปีต่อมา สร้างพระพุทธรูปยืน หุ้มทองขนาดใหญ่ประดิษฐานไว้ด้านในวิหารหลวงนั้น พระราชทานนามว่า "พระศรีสรรเพชญ์" เล่ากันว่าในคราวเสียรุงศรีอยุธยาครั้งสุดท้าย ข้าศึกได้สุมไฟพระศรีสรรเพชญ์เพื่อเอาทอง ล่วงมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทนเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุพำโลกมหราช โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญชิ้นส่านชำรุดจองพระประธานองค์นี้ลงมากรุงเทพฯ และบรรจุชิ้นส่วนซึ่ง บูรณะไม่ได้แล้วเหล่านั้นไว้ในเจดีย์องค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นแล้พระราชทานชื่อเจดีย์ว่า "เจดีย์สรรเพชญดาญาณาณิ" Wikimapia location |
Scenic Photography by Gerry Gantt from Thailand, the land of Golden Wats. All images Copyright © 1999 - by Gerry Gantt, all rights reserved. |